วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2561



แอปเปิล-ซัมซุง ยุติข้อพิพาทสิทธิบัตร หลังสู้คดีมานานถึง 7 ปี



สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บริษัทแอปเปิล อิงค์ และบริษัทซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ได้ตกลงยุติข้อพิพาทคดีสิทธิบัตรเมื่อวานนี้ หลังต่อสู้คดีมานานถึง 7 ปี

เอกสารจากศาลระบุว่า คดีระหว่างแอปเปิลกับซัมซุงที่เปิดฉากขึ้นเมื่อปี 2554 นั้น ได้ยุติลงอย่างเป็นทางการแล้ว หลังบริษัททั้งสองได้แจ้งให้ผู้พิพากษาลูซี โกห์ ประจำศาลเขตแคลิฟอร์เนียเหนือในเมืองซานโฮเซ ทราบถึงการยุติข้อพิพาทดังกล่าว

อย่างไรก็ดี เอกสารดังกล่าวไม่ได้มีการระบุถึงข้อตกลงในการยุติข้อพิพาท ขณะที่ผู้พิพากษาลูซี โกห์ ได้ลงนามในคำสั่งศาลให้ยกฟ้องคดีทั้งหมดโดยห้ามฟ้องใหม่ ซึ่งหมายความว่า จะไม่สามารถสู้ความในข้อเรียกร้องเดิมได้อีก

เอกสารดังกล่าวระบุว่า "บริษัทแอปเปิล อิงค์ โจทก์ และบริษัทซัมซุง อิเลคโทรนิคส์, บริษัทซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ อเมริกา และบริษัทซัมซุง เทเลคอมมิวนิเคชันส์ อเมริกา จำเลย ขอแจ้งให้ศาลทราบว่า ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะยุติและระงับคำฟ้องคงค้าง รวมถึงคำฟ้องแย้งในกรณีดังกล่าว"

ผู้พิพากษาลูซี โกห์ ระบุในเอกสารว่า ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะยุติคำฟ้องและคำฟ้องแย้งที่เหลือทั้งหมดในการฟ้องคดีครั้งนี้ โดยทั้งสองฝ่ายจะ "รับผิดชอบค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายของทนายความเอง"

ทั้งนี้ แอปเปิลได้ยื่นฟ้องต่อศาลว่า บริษัทซัมซุงได้เลียนแบบดีไซน์สมาร์ทโฟน iPhone ของแอปเปิล โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมา ศาลสหรัฐได้ตัดสินให้ซัมซุงจ่ายค่าเสียหาย 539 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่แอปเปิล

แต่เดิมนั้น ซัมซุงเคยจ่ายค่าเสียหายแก่แอปเปิลเป็นเงิน 1.05 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 2555 อย่างไรก็ดี ได้มีการขออุทธรณ์คดีมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้คดีดังกล่าวต้องวิ่งขึ้นลงศาลฎีกาจนถึงปีนี้

ที่มา:อาร์วายทีไนท์

วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2561

เปิดโฉม “เทคโนโลยีซักได้” เพื่อคนรักแฟชั่นและชอบผลิตภัณฑ์ไฮเทค

เปิดโฉม “เทคโนโลยีซักได้” เพื่อคนรักแฟชั่นและชอบผลิตภัณฑ์ไฮเทค

 เทคโนโลยีที่สวมได้ หรือ wearable technology เป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวางในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดน่าจะเป็น นาฬิกาสมาร์ทว็อทช์ ที่กลายเป็นสินค้าที่พบเห็นทั่วไปภายในเวลาไม่กี่ปี   ล่าสุด wearable technology กำลังเข้าสู่ยุคของการพัฒนาเสื้อผ้า ที่มีระบบปฏิบัติการเหมือนกับว่าเรากำลังสวมใส่คอมพิวเตอร์อยู่ โครงการหนึ่งที่สะท้อนถึงเทคโนโลยีล่าสุดนี้ คือความร่วมมือระหว่างบริษัท Google และบริษัทเสื้อผ้า Levi’s ของสหรัฐฯ
คุณไอวาน ปูพิเรพ (Ivan Poupyrev) จาก Google กล่าวว่า เสื้อแจคเก็ตที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยโครงการร่วมดังกล่าวสามารถส่งสัญญาณสั่น และสัญญาณแสง เตือนผู้สวมใส่เมื่อมีสายเรียกเข้า นอกจากนั้น เมื่อผู้ใส่เสื้อ ลูบไปที่ผ้าบริเวณปลายแขน ระบบสามารถบอกถึงเส้นทางการเดินทาง และเปิดเพลง เมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้   เขากล่าวว่า การเชื่อมต่อระบบคอมพิวเตอร์กับเสื้อผ้าที่สวมใส่ทำให้ผู้ที่เดินทางไม่จำเป็นต้องละสายตาไปจากถนนที่อยู่ตรงหน้า และเนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า นักประดิษฐ์จึงเรียกนวัตกรรมเหล่านี้ว่าอยู่ในกลุ่ม washable technology หรือ “เทคโนโลยีซักได้”  
   ไอวาน ปูพิเรพ กล่าวว่า เทคโนโลยีนี้เกิดขึ้นจากการสร้างเส้นใยไฮเทค ด้วยความรู้วิศวกรรมชีวภาพที่ทำให้ใยไหม หรือหนังที่ใช้กับเสื้อผ้าซึ่งถูกสร้างการเซลยีสต์ทำงานร่วมกับการสั่งการโดยซอฟแวร์ได้ 
ที่มา:  https://www.sanook.com/hitech/1450233/          

วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2561


เสมือนจริงสุดๆ! เทคโนโลยี VR ที่จะทำให้คุณรู้สึกว่ากำลังนั่งเครื่องบินไปต่างประเทศ


First Airline สถานที่แห่งใหม่ที่จะให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ของการนั่งเครื่องบินในชั้นธุรกิจและชั้นเฟิร์สต์คลาสโดยใช้เทคโนโลยี VR มาช่วยเพิ่มความสมจริงในห้องที่จําลองบรรยากาศภายในเครื่องบิน ภายในห้องดังกล่าวจะแบ่งเป็นที่นั่งชั้นธุรกิจและชั้นเฟิร์สต์คลาสจำนวน 12 ที่นั่ง ในแต่ละครั้งจะใช้เวลา 110 นาที โดยระหว่างที่เครื่องบินขึ้น-ลง ก็จะให้สวมอุปกรณ์ VR เพื่อสัมผัสบรรยากาศของตอนเครื่องขึ้น-ลง และยังมีการฉายภาพสถานที่ท่องเที่ยวสําคัญของเมืองจุดหมายปลายทางให้ชมแบบ 3 มิติด้วย นอกจากนี้ยังมีบริการเสิร์ฟอาหารจากแอร์โฮสเตสให้ได้ลิ้มลองอาหารที่เสิร์ฟบนเครื่องอีกด้วย  ณ ปัจจุบันมีให้เลือก 5 เส้นทาง ได้แก่ นิวยอร์ก ฮาวาย ปารีส โรม และเฮลซิงกิ โดยระหว่างการบินก็จะมีการฉายวิดีโอสถานที่ท่องเที่ยวปลายทางให้ชมแบบจุใจ เช่น หากใครเลือกนั่งไปปารีส ก็จะได้เห็นบรรยากาศบริเวณหอไอเฟล หรือหากใครเลือกนั่งไปนิวยอร์กก็จะได้เห็นบรรยากาศที่ย้อนยุคไปในปี 1940 ที่มีกำแพงเบอร์ลิน เป็นต้น


 ที่มา:เว็บไซต์สนุ๊ก

วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Youtube

กลายเป็นที่นิยมที่สุดในหมู่วัยรุ่นสหรัฐฯ ขณะที่Facebook ความนิยมถดถอย


วัยรุ่นสหรัฐฯ กำลังเพิ่มความนิยมในการใช้ Youtube อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในฐานะที่กำลังเป็นพื้นที่ของเหล่า Vlogger และ Influencer ที่กำลังเติบโต โดยผลการศึกษาล่าสุดของ Pew Research Center พบว่าร้อยละ 85 ของวัยรุ่นอายุระหว่าง 13-17 ปีเป็นผู้ใช้ Youtube ขณะที่วัยรุ่นกลุ่มเดียวกันใช้ Instagram และ Snapchat มากรองลงมาที่ร้อยละ 72 และ 69 ตามลำดับ
ผลการศึกษาดังกล่าวยังบ่งชี้ถึงแนวโน้มของวัยรุ่นที่ใช้ Facebook ลดลงในช่วงปีหลังๆ ที่ผ่านมา โดยในปี 2015 มีวัยรุ่นที่ระบุว่าใช้ Facebook ราวร้อยละ 71 แต่ในวันนี้ตัวเลขดังกล่าวเหลือเพียงร้อยละ 51 เท่านั้น
"ผลการศึกษาส่วนใหญ่ชี้ว่าวัยรุ่นมักใช้แพลตฟอร์มกลุ่มเดียวกันโดยไม่ขึ้นอยู่กับลักษณะทางประชากร ยกเว้นบางกรณี เช่น วัยรุ่นที่มีรายได้น้อยมากจะถูกดึงดูดจาก Facebook มากกว่าในกลุ่มที่มาจากครอบครัวที่มีรายได้สูง" ผลการศึกษาดังกล่าวระบุ
นอกจากนี้ ผลการศึกษายังชี้ต่อไปว่าวัยรุ่นสามารถเข้าถึงสมาร์ทโฟนได้มากกว่าที่เคยเป็นมา โดยเข้าถึงได้มากถึงร้อยละ 95 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 73 ในปี 2015 อนึ่ง แม้ว่าจะไม่มีคำยืนยันจากกลุ่มวัยรุ่นเกี่ยวกับผลของ Social Media ต่อชีวิตของวัยรุ่นในปัจจุบัน ทำให้วัยรุ่นสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างหลากหลาย แต่วัยรุ่นกลุ่มที่ตอบว่า Social Media มีผลในทางบวกมักจะเน้นย้ำถึงผลดีในการเชื่อมต่อกับผู้อื่น
ส่วน Social Media อื่นๆ ที่อยู่ในผลการศึกษานี้ อาทิ Twitter (มีวัยรุ่นใช้งานร้อยละ 32), Tumblr (มีวัยรุ่นใช้งานร้อยละ 9) และ Reddit (มีวัยรุ่นใช้งานร้อยละ 7) และตัวเลขที่น่าสนใจก็คือ แม้วัยรุ่นจะบอกว่าใช้ Youtube มากที่สุด แต่ความถี่ในการใช้งานกลับเป็น Snapchat ที่มีตัวเลขการใช้งาน "บ่อยครั้งที่สุด" โดยอยู่ที่ร้อยละ 35 มากกว่า Youtube ที่มีความถี่ในการใช้งานอยู่ที่ร้อยละ 32